โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยืนยันว่า เขาได้แยกทางกับพอล อันน่าโคเน่ โค้ชส่วนตัวของเขา หลังจากที่อยู่ด้วยกันมา 3 ปี ครึ่ง พร้อมทั้งมองหาวิธีที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอาชีพของเขาหลังจากหยุดนิ่งอยู่กับที่มานานแล้ว

อดีตมือ 1 โลกชาวสวิส ปีนี้นับว่าเป็นปีที่เขาไม่ประสบความสำเร็จ ในทัวร์นาเมนท์ ซึ่งผลงานของเขาตกต่ำลงจนทำให้ หล่นไปอยู่อันดับที่ 7 ของโลกในการจัดอันดับครั้งล่าสุด

และหลังจากที่การแข่งในรอบที่สามของศึกเซี่ยงไฮ้ มาสเตอร์ เฟเดอเรอร์ ก็ทำชัยชนะหลุดมือไปโดยแพ้ กาเอล มงฟิลด์ เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว และอาจจะทำให้มีโอกาสพลาดโควตาหวด ATP เวิร์ลทัวร์ ไฟนอล รายการสุดท้ายของปี ที่ลอนดอน เดือนหน้า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลง

กับการทำงานร่วมกับ อันน่าโคเน่ ที่เคยเป็นโค้ช พีท แซมพราส มาในอดีต และช่วยทำให้เฟเดอเรอร์ จนได้แชมป์ วิมเบิลดันในปี 2012 ซึ่งนักเทนนิสวัย 32 ปี ได้แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของเขาว่า “หลังจากช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมนาน 3 ปีครึ่ง ที่ได้ทำงานร่วมกัน พอลและผมก็ได้ตัดสินใจที่จะก้าวขึ้นไปอีกระดับในชีวิตการทำงานของเรา”

“เมื่อเราเริ่มทำงานด้วยกัน พวกเราก็มีแผนที่จะต้องคว้าแชมป์แกรนด์สแลมป์ ให้ได้ใน 3 ปี และก็กลับมาเป็นมือ 1 โลกให้ได้”

“พร้อม ๆ กับเป้าหมายอื่น และความทรงจำที่ดีอีกมากมาย นี่ก็เป็นสองเป้าหมายหลักที่เราทำสำเร็จ”

“ภายหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันต่อหลังจากการฝีกซ้อมครั้งล่าสุด พวกเราก็รู้สึกว่า เวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเราทั้งคู่ ที่ต่างฝ่ายจะไปตามทางของตัวเอง”

“พอลยังคงเป็นเพื่อนรักของผม และเราทั้งคู่ก็ยังคงสานความสัมพันธ์ที่ดีให้มีอยู่ต่อไป ผมต้องการที่จะขอบคุณ พอล สำหรับความช่วยเหลือของเขา และ สิ่งมีค่าที่เขาได้นำมาเพิ่มให้ตัวผม รวมไปถึงทีมของผมด้วย”

ในขณะนี้ เฟดเดอร์เรอร์ หวังที่จะคลายความกดดัน ในศึกที่จะแข่งที่บาร์เซิล บ้านเกิดของเขาที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อที่จะได้สิทธิแข่งในทัวร์นาเมนท์สุดท้ายของปี ที่ โอทู