นีกรบแห่งทะเลทรายซาฮาร่า อัลจีเรีย ผงาดซิวแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2019 ไปครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ หลังคว่ำเซเนกัล เต็งจ๋าในรอบชิงชนะเลิศ

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งทวีปแอฟริกา รายการใหญ่ที่สุด ได้เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา โดยนัดชิงชนะเลิศนั้นจัดขึ้นที่สนามกีฬาไคโร อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม กลางกรุงไคโร เมืองหลวงขิงประเทศอียิปต์ที่รับหน้าสื่อเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ แบะในรอบชิงชนะเลิศทีมที่ทะลุเขามาพบกันเป็นสองทีมใหญ่ของทวีป คือ เซเนกัล
ที่ได้รับการจัดอันดับในรอบน็อคเอ้าท์ว่าเป็นเต็ง 1 ที่มีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด และ อัลจีเรีย ที่ฟอร์มร้อนแรงมาตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยทั้ง 2 ทีมนั้น อยู่ร่วมกลุ่มกันมาตั้งแต่ในรอบแรก ในกลุ่มซี และในรอบดังกล่าว อัลจีเรีย ก็เอาชนะ เซเนกัล ไปได้ 1-0 จากการยิงของ โมฮาเหม็ด ยูเซฟ เบไลลี จากทีมในลีกตูนิเซีย

นัดนี้ถือเป็นเกมส์แห่งศักดิ์ศรี โดยเซเนกัล หมายมั่นปั้นมือไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยด้วยการพ่ายต่ออัลจีเรียอีก และต้องการคว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ให้ได้เป็นสมัยแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผลงานดีที่สุดคือเมื่อปี 2002 ที่มาลีเป็นเจ้าภาพที่พวกเขาคว้ารองแขมป์มาครองได้ และในปี 2006 ที่อียิปต์เป็นเจ้าภาพพวกเขาได้อันดับที่ 4 โดยครั้งล่าสุดปี 2017 ที่กาบองนั้น เซเนกัลทะลุมาได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ

ทางด้านอัลจีเรีย พวกเขาเคนคว้าแชมป์รายนี้มาครองเมื่อ 28 ปีที่แล้วในปี 1990 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ และในปี 2010 ที่อังโกลา เป็นเจ้าภาพพวกเขาก็คว้าอันดับ 4 มาครอง ส่วนครั้งล่าสุดที่กาบองนั้น พวกเขาทำได้ดีที่สุดเพียงรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น และในรอบแบ่งกลุ่มองปีนี้ พวกเขาก็โชว์ฟอร์มเจ๋งชนะรวด 3 นัด รวมถึงชนะเซเนกัลที่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มมาก่อนด้วยสกอร์ 1-0

เซเนกัล ภายใตการคุมทีมของกุนซืออย่าง อลิยู ซิสเซ่ ส่งทีมชุดใหญ่ลงสนามแบบจัดเต็มในแผน 4-2-3-1 นำโดยดาวยิงลิเวอร์พูลอย่าง ซาดิโอ้ มาเน่ กองหน้าตัวเป้าในนัดนี้เป็น เอ็มบาเย่ เนียง จากแรนส์ ตัวบุกอีก 2 ตัวได้แก่ อิสมาอิลลา ซารร์ จากแรนส์เช่นกัน และ อองรี ไซเวิร์ต จากบูซาร์สปอร์ กองกลาง 2 ตัวได้แต่ อัลเฟร็ด เอ็นดิอาย จากเรอัล มาลาก้า และ
อิดริสซา เกเย่ จากเอฟเวอร์ตัน กองหลังแบ๊คซ้ายคือ ยุสซุฟ ซาบาลี จากบอร์กโดซ์, แบ๊คขวาคือ ลามิเน่ กัสซามา จากก็อตเทเป้ ในลีกตุรกี 2 เซ็นเตอร์ คือ ชิกู กูยาเต้ จากคริสตัล พาเลซ และ ซาลิฟ ซาเน่ จากชาลเก้ 04 ที่ต้องลงแทน คูลิบาลี ที่ถูกโทษแบน และนายทวารเป็น อัลเฟร็ด โกมิส จากสปาล ในกัลโช่ ซีรีย์ อา อิตาลี

ทางอัลจีเรีย ที่คุมทีมโดย ฌาเมล เบลมาดี้ กุนซือชาวฝรั่งเศส ก็จัดทีมชุดใหญ่ลงในแผน 4-1-4-1 นำโดยกองหน้าตัวเป้า แบกแดด บูเนยาห์ จากอัล-ซาดด์ ในลีกการ์ตา กองกลางทำเกมส์ 4 ตัวได้แก่ ปีกขวาริยาร์ด มาห์เรซ ซุปตาร์จากแมนฯซิตี้, ปีกซ้ายเป็น ยูเซฟ เบไลลี่, มิดฟิลด์ตัวกลางคือ อิสมาเอล เบ็นนาเซอร์ จากเอ็มโปลี และ โซฟิอาเน่ เฟกูลี่ จากกาลาตาซา
ราย กองหลางตัวตัดเกมส์เป็น อั๊ดเลเน่ เกดิอูรา จากนอตติ้งแฮม ฟอเรส แผงกองหลังประกอบด้วย แบ๊คซ้าย รามี เบ็นเซไบนี่ จากแรนส์, แบ๊คขวา เมห์ดี้ เซ็ฟฟาเน่ จากแรนส์ เช่นกัน, 2 เซ็นเตอร์ คือ ฌาเมล เบ็นลามรี จากอัล-ชาบับ ในลีกซาอุฯ และ อาอิสซา เมนดี้ จากเรอัล เบติส ส่วนราอิส เอ็มโบลอี้ จากอัล-อิทติฟัซ ในลีกซาอุฯ ลงเฝ้าเสา

เริ่ม้เกมส์มาได้เพียง 2 นาที อัลจีเรียก็ทักทายด้วยประตูออกนำจาก แบกแดด บูเนยาห์ ซึ่งถือว่าขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเซเนกัลแทบจะพับสนามบุก โหมบุกแบบชนิดที่ว่าไม่ให้โอกาสอัลจีเรียได้มีโอกาสบุกเลยทีเดียว ซึ่งเซเนกัลครองบอลได้กว่า 63% เหนือกว่าอัลจีเรียมาก แถมมีโอกาสยิงถึง 12 ครั้ง แต่ไม่สามารถทำประตูได้เลย ผิดกับทางอัลจีเรียที่มี

โอกาสยิงทั้งเกมส์เพียงลูกเดียว แต่กลับเป็นประตู และประตูของบูเนยาห์ในนาทีที่ 2 นั้น จะกลายเป็นประตูชัย ให้อัลจีเรียคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์หลังรอคอยถ้วยแชมป์มานานกว่า 28 ปีเต็มๆ

อันดับ 3 นั้นแข่งไปแล้วก่อนหน้าและตกเป็นของไนจีเรียที่เฉือนชนะตูนิเซียไปได้ 1-0 ทำให้สรุปผลการแข่งขันแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2019 นี้ อัลจีเรีย คือทีมผงาดคว้าแชมป์, รองแชมป์เป็นของเซเนกัล, อันดับ 3 ไนจีเรีย และอันดับ 4 ตูนิเซีย ส่วนอียิปต์เจ้าภาพที่ถูกจัดให้เป็นเต็ง 1 ก่อนหน้านี้มำได้เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังพ่ายแอฟริกาใต้แบบหวุดหวิด

Dafabet เปิดเดิมพันล่วงหน้า/สด ค่าน้ำสูง ที่กีฬาเอเชีย การันตีเงินชนะ 100%