ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ที่สนามเวมบลีย์ เพื่อเข้าชิงเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ

หงส์แดงขึ้นนำ 3 ประตูในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทวงคืนกลับมาได้สองประตู แต่ก็ไม่ทัน จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไปได้ 3-2 

ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำจาก อิบราฮิม โคนาเต้ในช่วงต้นเกม ขณะที่ซาดิโอ มาเน่กองหน้าเซเนกัล ยิงสองประตู จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ 3-0 

ลิเวอร์พูลขึ้นนำจากการโหม่งของอิบราฮิม โคนาเต้ในช่วงต้นเกม ขณะที่ซาดิโอ มาเน่กองหน้าเซเนกัลได้โหม่ง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังพักครึ่งจาก แจ๊ค กรีลิช และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา  

ลิเวอร์พูลจะลงเล่นนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012 ในวันที่ 14 พฤษภาคม โดยพวกเขาจะพบกับเชลซี ซึ่งเอาชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 ในวันอาทิตย์

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวว่าชัยชนะเป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของทีมของเขา

“น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เหลือเชื่อ ครึ่งแรกเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดที่เราเคยเล่น เราทำทุกอย่างถูกต้อง เราทำประตูได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เราโดดเด่นมาก ผมชอบทุกวินาทีของมัน” คล็อปป์กล่าว

ในขณะเดียวกัน คริสเตียโน โรนัลโด ก็ทำแฮตทริกให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะเหนือนอริช 3-2 เมื่อวันเสาร์ เพื่อใช้ประโยชน์จากความพ่ายแพ้ของอาร์เซนอลและท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในการแย่งชิงตำแหน่งในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า

สเปอร์ส แพ้ให้กับ ไบรท์ตัน ขณะที่อาร์เซนอลถูกพ่ายโดยสกอร์เดียวกันที่เซาแธมป์ตันเพื่อพ่ายแพ้ต่อการสูญเสียติดต่อกันเป็นครั้งที่สาม

แฮตทริกที่ 50 ของโรนัลโด้ ก่อการจลาจลในหมู่ฐานแฟนบอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ขณะที่ยูไนเต็ดขยับขึ้นเหนืออาร์เซนอลขึ้นมาเป็นอันดับที่ 5 ด้วยผลต่างประตู โดยตามหลังท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 3 แต้ม

มีความไม่สงบในหมู่แฟน ๆ ของ ยูไนเต็ด ก่อนเกมจะเริ่มเนื่องจากหลายคนไม่ได้เข้ามาในสนามจนกระทั่งนาทีที่ 17 เพื่อประท้วงต่อต้านการครอบครองสโมสรของตระกูล เกรเซอร์ เป็นเวลา 17 ปี