เควิน เดอ บรอยน์ แข้งใหม่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เผย แว็งซ็องต์ กอมปานี กัปต้นทีมสโมสร และเพื่อนร่วมทีมชาติของเขา คือตัวการสำคัญที่ช่วยให้เขาตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง
โดยในอดีตที่ผ่านมา ปีกคนเก่งเคยค้าแข้งกับ เชลซี แต่ไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ ทำให้เขาย้ายไปร่วมทีม โวล์ฟสบวร์ก ในเดือนมกราคมปี 2014
ซึ่ง เดอ บรอยน์ ก็โชว์ฟอร์มสุดยอดที่เยอรมัน ช่วย โวล์ฟสบวร์ก จบอันดับ 2 เป็นรองเพียง บาเยิร์น มิวนิค เมื่อฤดูกาลก่อน รวมไปถึงพาทีมคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ได้อีกด้วย
ด้วยฟอร์มอันน่าประทับใจของดาวเตะวัย 24 ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายหลักของทีมชั้นนำของยุโรป ในช่วงเปิดตลาดนักเตะปีนี้
ซึ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่กลายเป็นทีมเต็งที่จะคว้าเขาไปร่วมทีม แม้ว่า โวล์ฟสบวร์ก จะพยายามเอาใจแข้งดัง หมายรั้งตัวเขาไว้อย่างสุดความสามารถ
จนในที่สุดเขาก็กลายเป็นแข้งค่าตัวแพงที่สุดของ แมนฯ ซิตี้ ที่ราคา 54 ล้านปอนด์ โดย เดอ บรอยน์ เผยว่ากัปตันทีมคนใหม่ คือคนที่คอยชักจูง ให้เขาตัดสินใจกลับมาเล่นที่อังกฤษอีกครั้ง
“เขาโทรหาผม 2-3 ครั้ง ทางโทรศัพท์” เขากล่าว “เขาบอกผมว่าสโมสรจะดูแลและช่วยผมอย่างดี บอกให้ผมทำในสิ่งที่ใจตัวเองหวัง และหากผมย้ายไป แมนฯ ซิตี้ ผมจะมีความสุขแน่นอน”
“มันดีเสมอเมื่อคุณได้เจอคนคุ้นเคย ผมรู้จัก แว็งซ็องต์ เป็นอย่างดี เขาสามารถช่วยให้ผมปรับตัวได้ง่ายขึ้นนิดหน่อย”
สมัยที่อยู่กับ เชลซี สั้นๆ เดอ บรอยน์ มีโอกาสลงเป็นตัวจริงเพียง 2 นัดเท่านั้น และคราวนี้เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเผชิญกับการแข่งแย่งตำแหน่งกองกลางตัวจริง อันดุเดือดที่ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเขารู้สึกว่าตอนนี้เขาพร้อมมากขึ้น ที่จะเผชิญความท้าทาย
“มันเป็นบางสิ่งที่ผมจำเป็นสำหรับอาชีพนักเตะ” เขากล่าวเสริม “เมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมยังเป็นผู้เล่นดาวรุ่ง และแค่อยากจะลงเล่น ต่อมาตอนผมอยู่ โวล์ฟสบวร์ก ผมจำเป็นต้องต่อสู้แย่งตำแหน่งตัวจริงในทีม”
หลังจากเอาชนะ 4 นัดแรกโดยไม่เสียสักประตู ทำให้หาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จจ่าย 1.50 ด้าน เชลซี มีราคาในการป้องกันแชมป์อยู่ที่ 5.50
ลิงค์สำรอง ดาฟาเบท