เดอะบลูส์ฟอร์มสะดุดก่อนจะลงชิงชัยที่เวมบลีย์ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาเปิดบ้านทำได้เพียงเสมอกับฮัดเดิ้ลฟิลด์และจากนั้นก็พลาดท่าเสียทีออกไปแพ้นิวคาสเซิลใน 2 นัดสุดท้ายศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

และผลจาก 2 นัดที่ผ่านมานั้นส่งผลให้แชมป์เก่าอย่างเชลซีนั้นหมดหวังในการติดท้อป 4 ของตารางในฤดูกาลนี้ ชวดโอกาสแข่งศึกแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ฟาเบรกาสคาดหวังให้เชลซีนั้นก้าวผ่านความผิดหวังในลีกและโฟกัสไปที่การคว้าถ้วยแชมป์เอฟเอคัพด้วยการเอาชนะปิศาจแดงที่คุมทีมโดยอดีตผู้จัดการทีมเชลซีอย่างฆเซ่ มูรินโญ่ ให้ได้

“คุณจะรู้สึกถึงไฟและพลังในตัวคุณ ฟอร์มอันดุดันที่คุณต้องการเค้นออกมาให้ทุกคนได้เห็นทั้วจากตัวผมเองและจากโค้ชจะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญให้กับเพื่อนร่วมทีม” ฟาเบรกาสกล่าว

“ไฟอันทรงพลังในตัวนั้นมันอยู่ในตัวทุกคน และเราจะต้องเริ่มจุดไฟแห่งความมุ่งมั่นตั้งแต่ตอนนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อเกมส์ที่จะลงเตะในวันเสาร์นี้เท่านั้น เราจะต้องแน่ใจว่าทุกๆคนในทีมของเราจะลงเล่นด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

เชลซีเอาชนะเซ้าแธมป์ตันไปได้ในรอบรองชนะชนะเลิศที่ผ่านมาและมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012

เมื่อฤดูกาลที่แล้วเดอะบลูส์พบกับฝันร้ายด้วยการพลาดท่าพ่ายอาร์เซนอลในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งฟาเบกราสก็กล่าวย้ำหนักแน่นว่านักเตะทุกคนจะต้องกระตุ้นและปลุกไฟในตัวเพื่อทำทุกอย่างให้ทีมคว้าได้สัก 1 แชมป์ในฤดูกาลนี้

“มันคือเกมส์นัดชิงชนะเลิศ แน่นอนว่ามันคือเกมส์ที่ยิ่งใหญ่และผมมองว่าจริงๆแล้วเราไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างแรงกระตุ้นกันให้มากมาย เพราะเรากำลังทำในสิ่งที่เรารัก เราจะลงสนามด้วยความพร้อมที่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์” เขากล่าวเสริม

“รอบชิงชนะเลิศปีนี้เราจะต้องลงฟาดแข้งกับแมนฯยูไนเต็ดที่สนามเวมบลีย์ ส่วนผลเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั้นเราต้องลบมันออกจากหัวเราไปให้หมด และเดินหน้าสู้เพื่อแชมป์ครั้งนี้”

เชลซีมีอัตราต่อรองจะชนะในช่วง 90 นาที และคว้าแชมป์เอฟเอคัพไปครองที่ 2.88 ส่วนแมนฯยูไนเต็ดนั้นมีอัตราต่อรองชนะที่ 2.60 ในขณะที่ผลเสมอในช่วง 90 นาทีนั้นอยู่ที่ 3.10