พรีวิวการแข่งขัน

นับเป็นเวลา 5 ปีที่พวกเขาจะได้กลับมาเจอกัน หลังจากที่เคยเล่นนัดชิงชนะเลิศในรายการนี้ไป โดยครั้งนั้นเป็น โปรตุเกส ที่คว้าแชมป์ไปครองในปี 2016 

ฝรั่งเศส ยังอยู่อันดับต้นๆ ของกลุ่ม แม้ว่าจะเพิ่งเสมอกับ ฮังการี มา 1-1 ในนัดที่สอง ขณะที่ โปรตุเกส พวกเขาต้องเอาชนะเกมนี้ให้ได้เท่านั้นหากจะเข้าป้ายในอันดับ 1-2 ของกลุ่มนี้ 

สี่วันที่ผ่านมา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำลายสถิติทำประตูอีกครั้ง ที่ทำประตูได้ในเกมที่เจอกับ เยอรมัน  ทว่าเกมมาพลิกเอาตอนที่ โปรตุเกส ทำเข้าประตูตัวเองสองลูก และเสียอีกสองลูกให้กับ ไค ฮาเวิร์ตซ์ กับ โรบิน โกเซ่น ก่อนที่ ดิโอโก้ โจต้า จะมายิงตีตื้นให้กับโปรตุเกส 

สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขาเหมือนในปี 2016 ที่ยังไม่รู้ว่าจะเข้ารอบน็อคเอาต์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตามสถิติ นับตั้งแต่โปรตุเกสมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พวกเขายังไม่เคยพลาดการผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ มาก่อน 

ฝรั่งเศส จะมี คาริม เบนเซม่า, อองตวน กรีซมันน์ และ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นสามประสาน ในเกมรุก ทว่าทำได้แค่เสมอกับ ฮังการี 1-1 ซึ่งถ้าหากพวกเขาชนะได้ในเกมนั้นก็แทบจะการันตีโอกาสในการเข้ารอบไปแล้ว 

อย่างไรก็ตามเกมนี้ เดส์ชองส์ ต้องการจะแก้มือโปรตุเกสในรายการยูโร 2006 แม้ว่าพวกเขาจะเคยเอาชนะ โปรตุเกส ในการแข่งขัน เนชั่น ลีก มาแล้ว ที่ฝรั่งเศสเอาชนะไปได้ 1-0 ในเดือน พฤศจิกายน 2020

ข่าวทีม

โปรตุเกส ยังไม่มี เชา เฟลิกซ์ และ นูโน่ เมนเดส ที่ยังไม่หายเดี้ยง ขณะที่ เกอร์เรโร่ ต้องรอทดสอบความฟิตก่อนเริ่มเกม หากไม่ไหว ผู้จัดการ ซานโต๊ส อาจจะให้ ราฟา ซิลวา หรือ เรนาโต้ ซานเชส ลงทำหน้าที่แทน

ขณะที่ โรนัลโด้ อาจจะทำลายสถิติของ มิโลสลาฟ โคลเซ่ ที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกและยูได้รวมกัน 20 ลูก 

ส่วน ฝรั่งเศส อุสมาน เดมเบเล่ เจ็บในเกมที่เจอกับ ฮังการี ในนาทีที่ 57 และอาจจะต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์หากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าไม่สู้ดี 

ลูคัส เอร์นานเดซ อาจจะกลับมาประจำการทางกราบซ้าย แทน ลูคัส ดีล ขณะที่ ปาวาร์ด และ อาเดรียน ราบิโอต์ ต้องเช็คความฟิตก่อนเริ่มเกม

ฟันธง

โปรตุเกส 2 – 2 ฝรั่งเศส