บาร์เซโลน่า ฟอร์มแผ่ว หลังจากที่ทำได้เพียงคะแนนเดียวจากการเสมอเป็นครั้งแรกของฤดูกาลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่เสมอกับทีมโอซาซูน่าแบบไม่มีสกอร์ ส่งผลให้รีล มาดริด ลดช่องว่างระยะห่างขอคะแนนและขยับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงอยู่หัวตาราง

ขณะที่ทางฝั่ง โอซาซูน่า ที่ปัจจุบันรั้งอยู่อันดับบ๊วย ท้ายตาราง และปฏิเสธการทำประตูของทีมจากแคว้าคาตาลันเป็นผลสำเร็จ และนับว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 ที่ทีมบาร์เซโลน่าไม่สามารถทำประตูได้ในลีก ซึ่งนับย้อนหลังไป 65 เกม หลังจากที่เสมอกับบียาร์รีลแบบไม่มีสกอร์ในครั้งนั้น

นอกจากนี้ ผลจากการเสมอในครั้งนี้เป็นการหยุดสถิติการเอาชนะรวดในลีกลาลีกา 13 เกม ของบาร์เซโลน่าเช่นเดียวกัน

อันเดรส อินเนสต้า และ มาร์ค บาร์ตร้า พลาดโอกาสที่จะทำประตูขึ้นนำในช่วงต้นเกม ขณะที่ เชส ฟาเบรกาส ก็ซัดบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดายในครึ่งหลัง

ขณะที่ทีมอันดับ 2 ของตาราง แอตเลติโก มาดริด ก็พบกับความปราชัยเป็นครั้งแรกของฤดูกาล หลังจากแพ้ให้เอสปันญ่อล ไป 1-0 ซึ่งหมายความว่าการคว้าชัยชนะของรีล มาดริดจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเมื่อสุดสัปดาห์ หลังจากที่เอาชนะมาลาก้า 2-0 และคว้า 3 คะแนนเต็มขึ้นไปเป็นจ่าฝูง อยู่หัวตาราง

แองเจิล ดิ มาเรีย ปีกชาวอาร์เจนติน่า ทำประตูให้กับ มาดริดไปก่อนในต้นครึ่งหลัง ซึ่งลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ต้องรอจนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนที่ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ จะยิงจุดโทษตอกฝาโรงในนาทีสุดท้าย พาทีมเอาชนะมาได้เป็นผลสำเร็จ

โดยนักเตะชาวโปรตุเกสได้ซัดจุดโทษ หลังจากที่ แกร์แรธ เบล โดนเวลลิกตัน กองหลังมาลาก้า ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ ทั้งนี้ ปีกชาวเวลส์ ลงมาเป็นตำสำรองใน 15 นาทีสุดท้ายของเกม หลังจากที่เพิ่งหายจากการบาดเจ็บที่ต้นขา และการลงสนามในครั้งนี้นับว่าเป็นการลงสนามเป็นครั้งที่ 4 ของเขาให้กับรีล มาดริด นับตั้งแต่เขาได้ทำสถิติการซื้อขายสูงสุดในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ จะเป็นเกมสุดยอดการพบกันอีกเกม เนื่องจากจะเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกของฤดูกาล โดยที่บาร์เซโลน่าจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของรีล มาดริด ในวันเสาร์นี้