บาร์เซโลน่า ไม่สามารถทำประตูได้ หลังจากออกไปเยือน และเสมอกับแอตเลติโก มาดริด แบบไร้สกอร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขายังรั้งเป็นจ่าฝูงศึกลาลีกาสเปนต่อไป

มันเป็นบทพิสูจน์ของ ดิเอโก้ ซิโมเน่ ที่เป็นทีมหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าจะขับเคี้ยวแย่งชิงแชมป์ลาลีกาในฤดูกาลนี้ เมื่อบาร์เซโลน่าไม่สามารถคว้าชัยในนัดนี้ได้

ทั้งสองทีมมีสถิติที่เหมือนกันในฤดูกาลนี้ โดยการแพ้เพียงคนละ 1 นัด จาก 18 เกม และหัวหอกอย่าง ดิเอโก้ คอสต้าที่ซัดไปแล้ว 19 ประตูในฤดูกาลนี้ ก็ได้รับความคาดหวังจากแฟน ๆ ที่ บิเซนเต้ คัลเดรอน เป็นอย่างมาก เพื่อทำในสิ่งที่เขาคุ้นเคยในการทำประตูในนัดก่อน ๆ หน้านี้

ในความเป็นจริง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่กล้าที่จะเพรี่ยงพร่ำ และดูท่าทีของแต่ละทีมในช่วงครึ่งแรก ลีโอเนล เมสซี่ และเนย์มาร์ ถูกเก็บไว้บนม้านั่งสำรอง เพื่อรอดูจังหวะ แม้ว่าดาวดังอาร์เจนติน่าจะฟิตกลับมาจากปัญหาอาการบาดเจ็บและพร้อมลงสนามมาแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เขาได้ถูกส่งตัวลงมาในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งทำให้ผลงานทีมเยือนดูกระเตื้องขึ้น แต่ก็มาใกล้เคียงที่สุดกับจังหวะที่ซัดเกือบเข้าประตู แต่เป็น ธีโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ เซฟเอาไว้ได้ ในช่วง 10 นาที ก่อนหมดเวลาการแข่งแข่งขัน

สำหรับฝั่งเจ้าบ้าน คอสต้า ก็ถูกจับตาย ไม่สามารถแผลงฤทธิ์ได้เท่าไหร่นัก รวมทั้งโอกาสของ อาร์ดา ทูราน ในช่วงตครึ่งหลัง อย่างไรก็ตามเขาก็มีโอกาสในการทำประตูน้อยมาก และดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่ต้องการที่จะเสีย 3 แต้มนี้ไป

ผลสกอร์ 0-0 หมายความว่า บาร์เซโลน่า ยังคงรั้งเป็นจ่าฝูงของตาราง ด้วยประตูได้เสียเหมือนเดิม ขณะที่ทีมเพื่อนบ้านของแอตมาดริด อย่างรีล มาดริด ทีมอันดับ 3 ที่หวังที่จะขยับเข้าไปใกล้ทีมท๊อป 2 เมื่อพวกเขาต้องออกไปเยือน เอสปัลญ่อล ในเย็นวันนี้ โดยชัยชนะจะพาพวกเขาเป็น หนึ่งในสามทีม ที่จะมาแย่งชิงแชมป์ในปีนี้

ขณะที่ ทีมอันดับ 4 อย่าง แอตเลติก บิลเบา ก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน หลังจากถล่ม อัลเมเรีย 6-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งชัยชนะในนัดดังกล่าวทำให้พวกเขามี 4 คะแนนห่างจาก รีล โซเซียดัด ที่จะออกไปเยือนบียาร์รีล ในวันจันทร์นี้